นักธุรกิจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งมัวยุ่งกับงานที่รัดตัวจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก
ในวันหยุดวันหนึ่ง เขามองดูตัวเองในกระจก
เห็นผมที่เริ่มยาวและหนวดที่เริ่มไม่เป็นทรงของตัวเอง
จึงคิดในใจว่าได้เวลาต้องไปตัดผม
แล้วเขาก็ออกจากบ้านตรงไปยังร้านตัดผมทันที
ขณะที่ช่างตัดผมและแต่งหนวดให้นั้น
ช่างก็ชวนคุยเรื่องต่างๆ ไปเรื่อย
แต่ไม่รู้ไปยังไงมายังไง สุดท้ายลงเอยด้วยเรื่องพระเจ้าได้
ช่างตัดผมพูดว่า
“ผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง”
“ทำไมล่ะ?” นักธุรกิจถาม
“ก็....ง่ายๆ เลยนะ
คุณลองออกไปข้างนอกโน่นแล้วคุณจะรู้ว่าไม่มีพระเจ้าอ่ะ
....ถ้ามีพระเจ้าจริงนะ บอกผมหน่อยทำไมถึงมีคนเจ็บป่วยมากมายขนาดนี้?
ทำไมมีเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้งเต็มเมืองอย่างนี้?
ถ้าพระเจ้ามีจริงก็ต้องไม่มีความเจ็บปวด
ไม่มีความทุกข์ทรมาน ผมนึกไม่ออกว่าพระเจ้าที่ใครๆบอกว่าเป็นพระเจ้าแห่งความรักจะให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง?”
นักธุรกิจผู้นี้ก็นิ่งคิดในใจว่าจะตอบอย่างไรดี
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรเนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นเหตุให้เกิดการทุ่มเถียงกัน
เมื่อช่างได้ตัดผมและแต่งหนวดให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นักธุรกิจผู้นี้ก็จ่ายเงินแล้วตั้งใจว่าจะตรงกลับบ้านเลย
แต่ขณะที่ยังยืนอยู่หน้าร้านเขาก็เห็นชายคนหนึ่งผมยาวรุงรังหนวดเครายาวเฟิ้ม ดูไม่สะอากสะอ้านเอาซะเลย
นักธุรกิจผู้นี้ก็กลับเข้าไปในร้านแล้วพูดกับช่างตัดผมว่า
“คุณรู้อะไรมั้ย? ช่างตัดผมไม่มีจริงหรอก”
ช่างตัดผมงง “ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ
ก็ผมนี่ไง แล้วผมก็เพิ่งจะตัดผมแล้วก็แต่งหนวดให้คุณเมื่อกี้นี่เอง”
นักธุรกิจพูดต่อ
“ไม่หรอก ไม่มีช่างตัดผมจริงหรอก
เพราะถ้าช่างตัดผมมีจริงก็จะต้องไม่มีคนผมยาว
หนวดเครายาวรุงรัง ดูอย่างผู้ชายคนที่อยู่ข้างนอกนั่นสิ”
ช่างตัดผมมองไปที่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า
“โห...แต่ยังไงก็ตาม ช่างตัดผมมีจริงๆก็คนเหล่านั้นไม่ได้มาให้ผมตัดให้นี่”
“ถูกต้อง” นักธุรกิจตอบอย่างมั่นใจ
“ประเด็นอยู่ตรงนั้นแหละ
พระเจ้าก็มีอยู่จริง
แต่คนไม่มาหาพระองค์ไม่แสวงหาพระองค์
โลกจึงมีความเจ็บปวดทรมานมากมายขนาดนี้
ในวันหยุดวันหนึ่ง เขามองดูตัวเองในกระจก
เห็นผมที่เริ่มยาวและหนวดที่เริ่มไม่เป็นทรงของตัวเอง
จึงคิดในใจว่าได้เวลาต้องไปตัดผม
แล้วเขาก็ออกจากบ้านตรงไปยังร้านตัดผมทันที
ขณะที่ช่างตัดผมและแต่งหนวดให้นั้น
ช่างก็ชวนคุยเรื่องต่างๆ ไปเรื่อย
แต่ไม่รู้ไปยังไงมายังไง สุดท้ายลงเอยด้วยเรื่องพระเจ้าได้
ช่างตัดผมพูดว่า
“ผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง”
“ทำไมล่ะ?” นักธุรกิจถาม
“ก็....ง่ายๆ เลยนะ
คุณลองออกไปข้างนอกโน่นแล้วคุณจะรู้ว่าไม่มีพระเจ้าอ่ะ
....ถ้ามีพระเจ้าจริงนะ บอกผมหน่อยทำไมถึงมีคนเจ็บป่วยมากมายขนาดนี้?
ทำไมมีเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้งเต็มเมืองอย่างนี้?
ถ้าพระเจ้ามีจริงก็ต้องไม่มีความเจ็บปวด
ไม่มีความทุกข์ทรมาน ผมนึกไม่ออกว่าพระเจ้าที่ใครๆบอกว่าเป็นพระเจ้าแห่งความรักจะให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง?”
นักธุรกิจผู้นี้ก็นิ่งคิดในใจว่าจะตอบอย่างไรดี
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรเนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นเหตุให้เกิดการทุ่มเถียงกัน
เมื่อช่างได้ตัดผมและแต่งหนวดให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นักธุรกิจผู้นี้ก็จ่ายเงินแล้วตั้งใจว่าจะตรงกลับบ้านเลย
แต่ขณะที่ยังยืนอยู่หน้าร้านเขาก็เห็นชายคนหนึ่งผมยาวรุงรังหนวดเครายาวเฟิ้ม ดูไม่สะอากสะอ้านเอาซะเลย
นักธุรกิจผู้นี้ก็กลับเข้าไปในร้านแล้วพูดกับช่างตัดผมว่า
“คุณรู้อะไรมั้ย? ช่างตัดผมไม่มีจริงหรอก”
ช่างตัดผมงง “ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ
ก็ผมนี่ไง แล้วผมก็เพิ่งจะตัดผมแล้วก็แต่งหนวดให้คุณเมื่อกี้นี่เอง”
นักธุรกิจพูดต่อ
“ไม่หรอก ไม่มีช่างตัดผมจริงหรอก
เพราะถ้าช่างตัดผมมีจริงก็จะต้องไม่มีคนผมยาว
หนวดเครายาวรุงรัง ดูอย่างผู้ชายคนที่อยู่ข้างนอกนั่นสิ”
ช่างตัดผมมองไปที่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า
“โห...แต่ยังไงก็ตาม ช่างตัดผมมีจริงๆก็คนเหล่านั้นไม่ได้มาให้ผมตัดให้นี่”
“ถูกต้อง” นักธุรกิจตอบอย่างมั่นใจ
“ประเด็นอยู่ตรงนั้นแหละ
พระเจ้าก็มีอยู่จริง
แต่คนไม่มาหาพระองค์ไม่แสวงหาพระองค์
โลกจึงมีความเจ็บปวดทรมานมากมายขนาดนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น